ขนมกุยช่าย ขนมโบราณที่ถูกใจสายอาม่า อากง เป็นเวลาช้านานซึ่งเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์ในด้านรสชาติและกลิ่นเรียกว่าได้ว่าทะลุปากซอยกันเลยทีเดียว ครั้นจะฝึกทำเพื่อเป็นอาชีพเสริมหรือทานเองในครอบครัวนั้นคงหาอ่านจากตำราและสูตรวิธีการทำขนมโบราณอย่างละเอียดได้ไม่ยาก แต่วันนี้เรามีเทคนิคที่ไม่ลับที่จะทำให้กุยช่ายของคุณนั้นอร่อยเลิศมากกว่าเดิม เทคนิค 3 อย่างของการทำ ขนมกุยช่าย ให้อร่อยูกปากสายเก๋า 1. เทคนิคการคลายความร้อนของแป้ง หากขั้นตอนการกวนแป้งนั้นเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการทำกุยช่าย การคลายความร้อนด้วยการพักนั้นก็สำคัญไม่น้อยแต่อย่างใดอย่างที่ทราบกันว่าสูตรทั่วไปอาจมีระยะเวลาการพักอยู่ที่ 2-3 ชั่วโมง แต่ในเทคนิคดังกล่าว อาจต้องมีความละเอียดมากขึ้น โดยต้องสังเกตภูมิประเทศหรือภูมิอากาศของคุณเป็นหลัก เช่นหากคุณอยู่โซนภาคใต้อาจใช้เวลา 3 ชั่วโมงได้ แต่สำหรับภาคเหนือที่มีภูมิอากาศค่อนข้างต่ำอาจต้องลดจำนวนการพักที่น้อยลงตามลำดับ 2. กลิ่นนั้นสำคัญไฉน กลิ่นหรือความหอมเรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญลำดับต้น ๆ ของกุยช่าย เลยทีเดียว หากมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปหรือกลิ่นเหม็นอาจมีผลต่อลูกค้าในระยะยาวได้ โดยขั้นตอนหลังจากล้างผักให้สะอาดแล้วจะต้องผึ่งให้แห้งสนิทในขณะที่สูตรทั่วไปอาจนำไปตากแดดเพื่อไล่น้ำให้หมดไป ซึ่งวิธีดังกล่าวอาจทำให้ผักเหี่ยวและแห้งได้ ฉะนั้นควรแผ่กระจายผักเป็นส่วน ๆ ในที่ร่มของพื้นที่ที่สามารถระบายอากาศและลมพัดผ่านได้อย่างเต็มที่ ข้อแนะนำควรผึ่งตากลมไว้ 1 วันและหลังจากหั่นอีก 1 คืน เพื่อไม้ให้ผักอมน้ำอันเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ผักมีกลิ่นทีไม่พึงประสงค์ได้ 3. น้ำจิ้มพิชิตทุกสิ่ง ในทุก ๆ อาหารหรือขนมส่วนที่เสริมความอร่อยนั้นมักจะใส่ก็ได้หรือได้ไม่ใส่ก็ได้ แต่สำหรับกุยช่ายนั้น น้ำจิ้มคือส่วนเสริมที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่งเพราะเป็นตัวที่ช่วยชูโรงให้ขนมนั้นโดดเด่นกว่าเจ้าอื่นยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันผลลัพธ์ที่ได้จากความอร่อยอาจต้องทดลองวัตถุดิบและความชอบด้วยตนเอง เช่น ยี่ห้อซีอิ้วดำ หรือน้ำส้มสายชู ตามด้วยน้ำตาลที่ไม่ฟอกสีเพื่อเพิ่มความหอมให้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม เทคนิคที่ช่วยให้รสชาติดีมากขึ้นคงหนีไม่พ้นการใส่กระเทียมและพริกจินดาที่ต้องใส่หลังจากที่ต้มทุกอย่างสุกแล้วเพราะความร้อนที่ใช้เวลามากไปอาจทำให้ความหอมจางหายได้ ฉะนั้นเทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้รักษารสชาติและความโดดเด่นให้กับคุณได้ กุยช่ายหรือขนมกุยช่ายขนมสายโบราณที่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นขนมที่ต้องใช้ความละเอียดค่อนข้างสูงฉะนั้นหากใครไม่เคยชิมหรือลองทำเองสักครั้งหนึ่งอาจพลาดความอร่อยอันเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นก่อน ๆ ได้ ฝากกดติดตามเมนูอาหารง่าย ๆเมนูแนะนำที่น่าสนใจเอาใจคนรักเส้นด้วย สปาเก็ตตี้สูตรเด็ด
Café ราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน ที่ไม่ควรพลาด
Café ราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน มาเอาใจคนที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปวิว และต้องการที่จะสัมผัสกับบรรยากาศที่สุดแสนจะธรรมชาติคุณควรที่จะอ่านบทความเกี่ยวกับอาหารนี้ที่จะมาแนะนำCafé ราคาหลักร้อยวิวหลักล้านที่ไม่ควรพลาด รับรองว่าจะต้องถูกใจผู้ที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์อย่างแน่นอน นอกจากนี้แต่ละCaféที่บทความนี้จะมาแนะนำนั้นยังมีราคาที่ไม่สูงมากนักอีกด้วยเมื่อเทียบกับบรรยากาศ และวิวที่ยอดเยี่ยมนี้แล้ว Café ราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน หากได้ไปสัมผัสไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง….!!! 1.“Magic Mountain” Caféราคาหลักร้อยวิวหลักล้านที่ไม่ควรพลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ภาคเหนือของประเทศไทย จ.พะเยา ซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วทางภาคเหนือของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศที่ดีเป็นอย่างมาก ยิ่งหากได้มาที่Caféแห่งนี้แล้วนอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันกว้างขวางของ จ.พะเยา ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งCaféแห่งนี้เหมาะแก่การมานั่งจิบชาร้อน ๆพร้อมกับถ่ายรูปวิวหลักล้านเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 2. “Phufinn Terrace” เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือCaféหากอยู่ในเครือของ “ภูฟินน์” แล้วนั้นจะการันตีความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่งดงามอย่างแน่นอน รวมไปถึงหน้าตาของอาหารที่สุดแสนจะเข้ากับบรรยากาศอีกด้วย บอกได้เลยว่าเมื่อเห็นชื่อนี้แล้วก็ไม่ต้องลังเลในการตัดสินใจเลย ซึ่งCaféราคาหลักร้อยที่มีวิวหลักล้านแบบนี้ตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ แต่เมนูอาหารของที่Caféแห่งนี้นั้นจะมีทั้งอาหารเหนือ อาหารอีสาน และอาหารทั่ว ๆไปของทางภาคกลาง เพื่อตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย 3.“Kanam Coffee” Caféทางตอนใต้ของประเทศไทย จ.พัทลุง หากมาที่Café แห่งนี้จะได้พบกับวิวท้องทุ่งนาอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว เห็นวิวสวย ๆหลักล้านแบบนี้แต่ราคาขนมหวาน และเครื่องดื่มนั้นอยู่ที่หลักร้อยต้น ๆเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับวิวท้องทุ่งนาอันแสนงดงามแห่งนี้แล้ว 4.“River Breeze Café” […]